WELOVEMAHIDOL

เราเป็นหนึ่งกลุ่มของ นักศึกษา ของ "มหิดล"หนึ่งกลุ่มของหนุ่ม สาว ผู้เคยใช้ชีวิตปีหนึ่ง ใน มหิดล ศาลายาหนึ่งกลุ่มของ ควาทรงจำ ที่เคยไหลเวียน ณ มหิดล ศาลายา จึงเป็นที่มาของ "เรา รัก มหิดล" welovemahidol เพราะใครๆก็เคย มีความทรงจำดีดี
มหิดล ศาลายา ที่แห่งนี้เป็น เสมือนบ้าน มหิดล ศาลายา ที่แห่งนี้เป็น เสมือนกำลังใจ มหิดล ศาลายา ที่แห่งนี้เป็น เสมือนความทรจำ มหิดล ศาลายา ที่แห่งนี้เป็น เสมือนความรักอันหอมหวาน
เพราะเราเชื่อว่า นักศึกษา และ(อดีต)นักศึกษา ผู้ที่เคย ได้ใช้ชีวิต ช่วงเวลาที่ดีดี ณ มหิดล ศาลายา ณ ที่แห่งนี้ ยังคงมีเรื่องราว ความทรงจำที่ดี อันมีคุณค่ากับหลายคน แม้ว่า ปัจจุบัน มหิดล ศาลายา จะเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใดก็ตาม แม้ว่าตึกกิจที่ใครหลายคน เคยได้ใช้ช่วงเวลาที่ดี นั้นไม่มีอีกแล้ว แต่เชื่อเถอะว่า ความทรงจำทีดีดีที่เราทุกคนยังเหลืออยู่ ก็ยังมีใคร อีกหลายคนที่คิดถึงเช่นกัน
มหิดล ศาลายา

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

24 กันยายน วันมหหิดล


วันนี้วันมหิดล ๒๔ กันยายน เรานักศึกษาของพระราชบิดา ยังคงจดจำ และระลึกถึงปณิธานของพระองค์ท่าน
ที่ได้มอบให้เป็นสิ่งที่ยึดถือไว้ นั้นคือ"ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์
"
แต่ ณ วันนี้ปณิธานใหม่ของมหาวิทยาลัยมหิดลคือ: "ปัญญาของแผ่นดิน"
ดังนั้นเพื่อที่จะรู้ซึ้งถึงความหมายของปณิธานใหม่มหาวิทยาลัยมหิดล คือ “ปัญญาของแผ่นดิน”
ก่อนอื่นจำเป็นต้องพิจารณาคำหลัก 2 คำที่เกี่ยวข้อง คือ มหิดล อันเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย
และ ปัญญา หรือ wisdom ตามคติพระพุทธศาสนา
ความหมายของ มหิดล คำว่า มหิดล เป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต
จาก มหี “แผ่นดิน” + ตล “พื้น, ชั้น” มหิดล จึงแปลได้ว่า “พื้นแผ่นดิน”
คำอื่นๆ ในภาษาไทยที่มีโครงสร้างคำและความหมายในลักษณะ เดียวกันก็ได้แก่ พสุธาดล, ภูวดล
และ เมทนีดล (จาก วสุธา + ตล, ภุว + ตล และ เมทนี + ตล ตามลำดับ) คำชุดนี้ ซึ่งมีปรากฏในพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ล้วนแปลได้ ว่า “พื้นแผ่นดิน, พื้นโลก”
นอกจากพจนานุกรมไทยแล้ว ความหมายของ มหีตล จะกระจ่างขึ้นโดยอาศัยแหล่งอ้างอิง ดังต่อไปนี้
The Pali Text Society’s Pali-English Dictionary ของ Rhys Davids ให้ความหมายของ มหี ว่า “โลก” และ มหีตล “พื้น (โลก)”
The Practical Sanskrit-English Dictionary ของ Apte ให้ความหมายของ มหีตล ว่า “พื้นผิวโลก”
ในทำนองเดียวกัน A Sanskrit-English Dictionary ของ Monier-Williams ให้ความหมาย ของ มหี, ตล และ มหีตล
ดังนั้น มหี “ ‘โลกใหญ่’ โลก (ในภาษายุคหลัง หมายถึง พื้นแผ่นดิน, พื้นดิน, แผ่นดิน, ประเทศ ...” ด้วย)
ตล “พื้นผิว, ชั้น, หลังคาแบน (ของบ้าน) ...”
มหีตล “พื้นผิวโลก, พื้นแผ่นดิน, พื้นดิน”
ท้ายที่สุด A Practical Sanskrit Dictionary ของ Macdonell ให้ความหมายของ มหี ว่า “โลก, พื้นแผ่นดิน, พื้นดิน, แผ่นดิน, ประเทศ, อาณาจักร ...” และให้ความหมายของ ตล ว่า “พื้นผิว, ระนาบ; ... -ตล ที่ลงท้ายคำสมาส มักไม่ต้องแปล”
จากข้อมูลข้างต้นนี้ พอจะสรุปได้ว่า มหีตล (มหี + ตล) ในบาลีและสันสกฤต แปลตามรูปศัพท์ได้ว่า “พื้นผิวโลก, พื้นแผ่นดิน”
แต่เนื่องจาก ตล ที่อยู่ท้ายสมาส มักไม่สื่อความเพิ่ม คำว่า มหีตล (แผลงเป็น มหิตล และ มหิดล ใน ภาษาไทย) จึงมีความหมายเพียงว่า “โลก, พื้นแผ่นดิน, พื้นดิน” และใช้ในความหมายว่า “แผ่นดิน, ประเทศ, อาณาจักร” ด้วย

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ใกล้จะสอบ(อีกแร้ว)


การเรียนก้ผ่านพ้นไปครึ่งเทอมแรก หลังจากเวลาของกิจกรรมที่ผ่านมา ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนบางคนอาจจะไม่สามารถตั้งตัวให้เท่าทันกับช่วงเวลาที่ผ่านไปนั้นเอง จึงเป็นที่น่าเสียดาย สำหรับโอกาสที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในรั้ว มหิดล ศาลายาแห่งนี้ ก็มีอันต้องหยุดพักสถานะการศึกษาที่นี้เป็นเพียงอดีต และเริ่มก้าวเดินในเส้นทางแห่งใหม่
หากเราลองมองถึงเวลาที่ มีคุณค่ากับตัวเรา หาใช่เวลาก่อนสอบไม่...หากแต่เวลาที่เรานั่งเรียน เวลาที่อาจารย์ให้เลคเชอร์ เรานั่งทำอะไรอยู่ หลับหรอ หิวหรอ ง่วงหรอ เป็นที่น่าคิดถึงกับเพื่อนหลายคน ที่เดินมาครึ่งทาง เหลืออีกเพียงนิดก็จะจบการศึกษา แต่เรื่องการดูแลตนเอง เป็นเรื่องที่เราย่อมต้องคำนึงถึงตลอดเวลา เราเป็นผู้รู้ เป็นผู้มีการศึกษา ฉะนั้นจงอย่าให้การศึกษามาเป็นตัวชี้นำเรา เราจงก้าวเดินให้ทันการศึกษาเถิด
จากเริ่มแรก ไม่มีใครเชือหรอกว่า วันเวลาที่มหิดล ศาลายาผ่านพ้นไปรวดเร็ว เพราะอะไรกิจกรรมต่างๆ พาเพลินไปสนุกจนลืมว่า เรามีภาระอันใหญ่ยิ่ง สำคัญเท่าๆกัน คือ การตั้งใจเรียน เราลืม...เมื่อเราได้ก้าวผ่านสิ่งสำคัยหนึ่ง คือการได้เข้ามาเป็นนักศึกษาแห่งนี้แล้ว เราไม่รู้วิธีการจัดการตนเอง กับเวลา กับเพื่อน กับกิจกรรม กับชีวิตที่มหิดล ศาลายาให้ลงตัว
"จงเล่นให้หนัก และเรียนให้หนัก"

ด่วนการสมัครนักศึกษา โควตา 2554 ของม.มหิดล



ในการเปิดรับสมัครครั้งนี้ ม.มหิดล จะเปิดรับสมัครตามโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ของมหาวิทยาลัยมหิดล และจะมีการให้น้องๆ มาร่วมทำกิจกรรม เข้าค่ายเตรียมความพร้อม เพื่อลดการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยฯ โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท รวมทั้งกำหนดการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบบโควตาปีการศึกษา 2554 และข้อมูลจำนวนของการรับแต่ละคณะด้วย
มีข้อมูล ของคณะ/วิทยาลัยต่างๆ เช่น
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี
รายละเอียดต่างๆดูเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.mahidol.ac.th/admission/quota2011/

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมในมหาวิทยาลัยมหิดล

การเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมหิดลนั้นไม่ได้มีแค่การเรียนอย่างเดียวเท่านั้น

เพราะการที่นักศึกษาเรียนอย่างเดียวนั้น ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาทางด้สนความคิดอย่างเดียวนั้น

ซึ่งอาจทำให้นักศึกษาเป็นผู้ที่มุแต่การค้นคว้าหาความรู้ใส่ตัว แต่ไม่ได้นำไปพัฒนาเพื่อเป็นเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

ดังคำขวัญของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ว่า "Wisdom of the Land" หรือปัญญาของแผ่นดิน

คือการนำความรู้ที่เรามี ไปก่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม

กิจกรรมต่างๆ จึงจัดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาได้มีจิตสำนึกแก่ส่วนรวม และเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์กับนักศึกษาคนอื่นๆ

โดยกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นนั้น อาจจะจัดขึ้นโดย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลเอง หรือ จัดโดยคณะต่างๆภายในมหาวิทยาลัย

มีตั้งแต่ค่ายที่เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมแก่นักศึกษา

กิจกรรมที่ส่งเสริมการแสดงออกของนักศึกษาที่มีทุกปี จากคณะวิศวะ หรือ คณะแพทยศาสตร์

หรือ กิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ แก่นักศึกษา เช่นงานรักน้อง

รวมถึงกิจจกรมที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ

จึงมั่นใจได้เลยว่าถ้าได้ลองมาเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะไม่มีวันเบื่อแน่นนอน

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

มหาวิทยาลัยสุขภาพ กับ สิงห์อมควัน




มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุข
โดยทางมหาวิทยาลัยได้มีโครงการส่งเสริม
สุขภาพแก่นักศึกษา บุคลากร เจ้าหน้าที่ประจำมหาวิทยาลัย ตลอดจนประชาชนทั่วไป อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งที่ปรากฏออกมาในรูปแบบของการจัดกิจกรรมต่างๆ และในรูปแบบของการรณรงค์ประชาสัมพันธ์
เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพในระดับเบื้องต้นนั้นมีหลายๆ ประเด็นที่น่าสมนใจ หนึ่งในหลายๆประเด็นนั้นคือ
"เรื่องการสูบบุหรี่"
ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนานไม่จบไม่สิ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในการค้นหาแนวทางบุติปัญหานี้
ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสบความสำเร็จ
ปัญหาการสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับโลกก็ว่าได้
ซึ่งทุกคนคงทราบดีกันอยู่แล้วว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นสิ่งไม่ดี ทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ มากมาย
แต่ก็ดูเหมือนส่าบางคนรู้แล้วแต่ก็ยังทำ
เสมือนเป็นการพร้อมรับผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการสูบบุหรี่
ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่น่าเป็นห่วงมาก
โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาไม่นานมานี้ ได้มีข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าตกใจมากกมาย
อาทิเช่น กลุ่มประชากรที่มีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง คือ
กลุ่มเบาวชน 15-24 ปี
ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ เริ่มสูบเมื่ออายุ 15-19 ปี
องค์การอนามัยโลกคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีผู้สูบบุหรี่ถึง 13 ล้านคน
โดยผู้ชายไทยจะสูบบุหรี่น้อยลงแต่ผู้หญิงจะสูบเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ดูเผินๆ แล้วอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เกินความคาดเดาของใครหลายคน
เนื่องจากในปัจจุบัน เราสามารถเห็นพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของเยาวชนทั้งชายและหญิงได้
ตามสถานที่เที่ยว ตามท้องถนน มุมอับตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ในสถานศึกษาเอง
จนบางครัง้สิ่งที่น่าตกใจเหล่านี้ได้กลายเป็นภาพชินตาของใครหลายคน
มิหนำซ้ำในบางโอกาศที่ได้ไปไหนมาไหนกับคนแก่ๆ รุ่นคุณปู่คุณย่า
เมื่อใดก็ตามที่คนเฒ่าคนแก่เหล่านี้ เห็นวัยรุ่นหัวเกรียนยืนสูบบุหรี่พ่นควันอย่างสบายอารมณ์
พวกท่านก็จะพากันตกอกตกใจ น้ำหมากระจาย
พร้อมเอ่ยประโยคประจำตัว "โอย เห็นแล้ว ยายจะเป็นลม"
แต่พวกเรากลับเห็นว่าอากัปกิริยาของพวกท่านเป็นเรื่องตลกสำหรับเรา
ซึ่งถ้าหากมองกันให้ลึกถึงประเด็นปัยหาเรื่องนี้แล้ว
มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป
เนื่องจากในสมัยก่อนการสูบบุหรี่จะกระทำกันในหมู่ผู้หลักผู้ใหญ่
ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย โดยอาจจะสูบกันในสถานที่ที่ค่อนข้างรโหฐาน
ซึ่งจุดประสงค์ในการสูบบุหรี่นั้น อาจจะเพื่อคลายเครียดหรือการสังสรรค์ เป็นต้น
หากแต่ในปัจจุบันนั้นสถิติของอายุผู้สูบบุหรี่ เริ่มต้นเมื่ออายุยังน้อยนัก
อีกทั้งกระทำกันอย่างแพร่หลายทั้งชายและหญิง
ตัวสินค้าเองก็หาซื้อกันได้ง่ายตามร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ
ซึ่งจะมองเห็นได้ถึงความสอดคล้องในอีกประการหน่งได้ว่า
"วัยรุ่น" จัดได้ว่ามีอัตราการสูบบุหรี่สูงขึ้นมาก
เนื่องจากวัยรุ่นนั้นเพิ่งก้าวข้ามความเป็นเด็ก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังไม่เติบโตพอที่จะรับผิดชอบอะไรได้มากมายเหมือนผู้ใหญ่
ดังนั้น เมื่อความรู้อยากลองตามวิสัยของเด็ก
ประกอบกับภาวะที่อยากจะใช้ชีวิตได้อย่างเสรีตามแบบผู้ใหญ่
ทำให้การสูบบุหรี่ได้กลับกลายเป็รค่านิยมที่ผิดๆ ในหมู่วัยรุ่นบางกลุ่ม
อีกทั้งวัยรุ่นก็สามารถหาซึื้อบุหรี่ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยปัจจัยทั้งหมดจึงนำมาซึ่งสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง
สืบเนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดจะเห็นได้ว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล"
มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นปัญหานี้เนื่องจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่แล้ว
ก็คือวัยรุ่นนั่นเอง อีกทั้งมหาวิทยาลัยคือสถานศึกษาที่พัฒนาคน
ให้ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีท้งความรู้ในทางวิชาชีพที่ได้เล่าเรียนมา
และคุณธรรมในการใช้ชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "มหาวิทยาลัยมหิดล"
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านสุขภาพ
ดังนั้น มันก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีถ้าหากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยมหิดล
จะเป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มต้นที่จะลด ละ เลิกการสูบบุหรี่ ให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่นๆ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตัวนักศึกษาเองในด้านสุขภาพและเป็นการรักษาภาพพจน์ของสถาบัน
เนื่องจากหัวใจหลักของมหาวิทยาลัย ก็คือ "นักศึกษา"
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หากการเลิกสูบบุหรี่คือการที่เรารักและศรัทธาในตนเอง
ก็ย่อมมีค่าเท่ากับการที่เรารักและศรัทธาในสถาบัน
เลิกสูบบุหรี่กันเถอะ

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ฉันรักเธอ(คือน้องฉัน)




เพราะรักหรอก จึงพัดพา ไล่ลมร้อนไปให้ไกล
เพราะห่วงหรอก จึงถามไถ่ ความเป็นไป เพียงนาที
เพราะรักหรอก จึงไล่ยุง ไม่ดูดเลือด ของเธอไปเสียหมด
เพราะรักหรอก ฉันจึงมา เป็นพี่ ของเธอ
เพราะรักหรอก ฉันจึงแอบหยอด คำหวาน มีความนัย
เพราะรักหรอก เธอไม่รู้ จึงโทรหา เผื่อห่วงหา
เพราะรักหรอก จึงนัดพบ ในวันนี้ วันแรกพบ ที่ฉันรอเธอ
เข้าใจรึยัง ว่าฉันรักเธอ(คือน้องฉัน)
ต่อแต่นี้ จงเป็นพี่ที่ดี แก่น้องเธอ
แล้วพบกัน ในวัน นัดพบ วันรักน้อง

ดูเถอะเธอเอ๋ย ชีวิตเธอที่มหิดล ศาลายา เป็นเช่นนี้หรือไม่?

















ชีวิตนักศึกษา มหาวิทยาลัย
เมื่อเปิดเรียนปีการศึกษาใหม่:


อาทิตย์ที่1:
อาทิตย์ที่ 2:
ก่อนสอบกลางภาค:
ระหว่างสอบกลางภาค:
หลังสอบกลางภาค:
ก่อนสอบปลายภาค:
หลังจากที่รู้ตารางสอบปลายภาค:
7 วันก่อนสอบปลายภาค:
6 วันก่อนสอบปลายภาค:
5 วันก่อนสอบปลายภาค:
4 วันก่อนสอบปลายภาค:
3 วันก่อนสอบปลายภาค:
2 วันก่อนสอบปลายภาค:
1 วันก่อนสอบปลายภาค:
คืนก่อนสอบปลายภาค:
1 ชั่วโมงก่อนสอบปลายภาค:
ระหว่างสอบปลายภาค:
ทันทีที่เดินออกมาจากห้องสอบ:
หลังสอบปลายภาค เสร็จ :